

Ozone Therapy (โอโซนบำบัด)
Ozone Therapy หรือ โอโซนบำบัด เป็นการเติมออกซิเจนเข้มข้นเข้าสู่หลอดเลือด โดยการนำเลือดออกมาจากร่างกายและทดแทนด้วยเลือดที่มีโอโซนกลับเข้าสู่ร่างกาย การทำโอโซนบำบัดจึงช่วยทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้รับออกซิเจนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยยับยั้ง ป้องกัน เชื้อโรคหรือไวรัส ช่วยกระตุ้นและเสริมระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ลดอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และอาการอ่อนเพลีย

Ozone Therapy เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง
- ผู้ที่ป่วยจากการติดเชื้อ เช่น เป็นไข้หวัด ป่วยง่ายหรือมีภาวะติดเชื้อ
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิต้านทาน เช่น เป็นภูมิแพ้ ลมพิษ และหอบหืด
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิเพี้ยน เช่น สะเก็ดเงิน รูมาตอยด์ แพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
- ผู้ที่มีปัญหาแผลเรื้อรัง เช่น แผลจากการกดทับ แผลจากโรคเบาหวาน
- ผู้ที่ป่วยจากการติดเชื้อเรื้อรัง เช่น โรคตับอักเสบ เริม งูสวัด
- ผู้ที่ปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเสียงดังในหู
ประโยชน์ของ Ozone Therapy
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- ช่วยให้เซลล์ในร่างกายได้รับออกซิเจนได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้มีปริมาณที่มากเพียงพอในการปกป้องร่างกาย
- ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันไวรัส ป้องกันไวรัส
- ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ลดการอักเสบ
- ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ กำจัดสารพิษและของเสียสะสม

ระยะเวลาในการทำ Ozone Therapy
ระยะเวลาในการทำประมาณ 30 นาที แนะนำควรได้รับการดูแลด้วย Ozone Therapy ประมาณ 5 ครั้งขึ้นไป เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น และควรทำประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วย Ozone Therapy
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับความดันโลหิต เช่น ความดันโลหิตต่ำ หรือ สูงเกินไป
- ผู้ที่เป็นโรค G6PD หรือ ผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เกร็ดเลือดต่ำ
- สตรีมีครรภ์ และ เด็กอายุ 1-3 ปี ไม่ควรทำ
ข้อควรระวังสำหรับการบำบัดด้วย Ozone Therapy
- หลังทำการรักษาอาจจะมีไข้ขึ้นได้ เนื่องจากเกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
- ไม่ควรทำก่อน หรือ หลังผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน
- ต้องแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา และ อาหารเสริมที่รับประทานก่อนเข้ารับบริการ
- ต้องมีการประเมินสุขภาพ และสภาวะร่างกาย รวมถึงโรคประจำตัวก่อนเข้ารับบริการ
การรักษาด้วย Ozone Therapy หรือ โอโซนบำบัด สามารถช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายให้คุณได้มีสุขภาพที่แข็งแรง ช่วยการต้านอนุมูลอิสระหากคุณต้องการดูแล ปรับปรุงสุขภาพองค์รวมให้ดียิ่งขึ้นที่ V Precision เรามีบริการการรักษาด้วย Ozone Therapy หรือ โอโซนบำบัด พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำและวางแผนการรักษาที่เฉพาะบุคคล สามารถปรับได้ตามความต้องการของร่างกาย เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและเหมาะสมในแต่ละบุคคล
Q&A Ozone Therapy
การรักษาช่วยเรื่องอะไรบ้าง
ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรียหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายให้คุณได้มีสุขภาพที่แข็งแรง ช่วยการต้านอนุมูลอิสระหากคุณต้องการดูแล ปรับปรุงสุขภาพองค์รวมให้ดียิ่งขึ้น
ใช้เวลาในการทำกี่นาที
ระยะเวลาในการทำประมาณ 30 นาที
ต้องทำบ่อยแค่ไหน
- สำหรับท่านที่ต้องการดูแลสุขภาพของตัวเอง ควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- สำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่องการติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ หรือแบคทีเรียควรทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
- ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ไม่ควรทำ Ozone Therapy
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับความดันโลหิต เช่น ความดันโลหิตต่ำ หรือ สูงเกินไป
- ผู้ที่เป็นโรค G6PD หรือ ผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เกร็ดเลือดต่ำ
- สตรีมีครรภ์ และ เด็กอายุ 1-3 ปี ไม่ควรทำ
- ข้อควรระวัง
- หลังทำการรักษาบางท่านอาจมีไข้ขึ้นได้ เนื่องจากเกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
- ไม่ควรทำก่อน หรือ หลังผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน
- ต้องแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา และ อาหารเสริมที่รับประทานก่อนเข้ารับบริการ
- ต้องมีการประเมินสุขภาพ และสภาวะร่างกาย รวมถึงโรคประจำตัวก่อนเข้ารับบริการ
Ozone Therapy แตกต่างจาก Hyperbaric chamber
Ozone Therapy เป็นการใส่ O3 หรือ Ozone ร่วมกับออกซิเจนเข้าไปในเลือดของเราโดยตรง ดังนั้นประสิทธิภาพในการจับออกซิเจน โอโซน กับเม็ดเลือดแดงจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน โดยการทำ Ozone Therapy จะเห็นผลได้เร็วกว่าการเข้าเครื่อง Hyperbaric chamber
