หลายคนมีอาการปวดท้องแน่น ๆ จุกเสียด ท้องอืด หรือกรดไหลย้อนซ้ำ ๆ มานาน แล้วโทษว่าเป็นเพราะกินอาหารไม่ดี หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่รู้หรือไม่ว่า ต้นตอของปัญหาอาจไม่ใช่แค่พฤติกรรมการกิน แต่อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า H. pylori (Helicobacter pylori) ที่กำลังแฝงตัวอยู่ในกระเพาะอาหารของคุณอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่รู้ตัว H. pylori เป็นหนึ่งในเชื้อโรคที่พบบ่อยมากในผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการเรื้อรัง หรือมีประวัติแผลในกระเพาะ ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา เชื้อนี้อาจก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงขึ้นได้ในระยะยาว
H. pylori คืออะไร? ทำไมจึงอันตราย?
- เป็นแบคทีเรียชนิดพิเศษที่อาศัยอยู่ในเยื่อบุกระเพาะอาหาร
- ทนต่อกรดในกระเพาะได้ และอยู่ได้นานเป็นปี
- ทำให้เยื่อบุกระเพาะอักเสบเรื้อรัง
- เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของแผลในกระเพาะอาหาร มะเร็งกระเพาะ และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (MALT)
อาการที่อาจเกี่ยวข้องกับ H. pylori แต่ถูกมองข้าม
- ปวดท้องเรื้อรัง แน่นท้องช่วงท้องว่าง
- ท้องอืดบ่อยโดยไม่มีเหตุชัดเจน
- กรดไหลย้อน หรือแสบร้อนกลางอก
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- เรอเปรี้ยวหลังอาหารหรือกลางดึก
- อาการปวดท้องที่กลับมาเป็นซ้ำ แม้ทานยาลดกรดแล้วดีขึ้นชั่วครา
แนวทางรักษาและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
- ใช้ ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด ตามสูตรมาตรฐาน (Triple/Quadruple Therapy)
- งดอาหารรสจัด ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ และบุหรี่ระหว่างการรักษา
- ทานยาให้ครบตามแพทย์สั่งและตรวจติดตามซ้ำหลังรักษา
- หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อน หรือแปรงสีฟัน
หากคุณมีอาการปวดท้องเรื้อรัง แน่นท้อง ท้องอืด หรือกรดไหลย้อนแบบไม่หายขาด และรู้สึกว่ายาแค่ช่วย “ประคองอาการ” ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คุณอาจต้อง ตรวจเช็ก H. pylori ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่หลายคนมองข้าม หากตรวจพบและรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้สุขภาพทางเดินอาหารดีขึ้นในระยะยาว และลดความเสี่ยงของโรคร้ายแรงที่อาจตามมา