เลขที่อนุมัติ ฆสพ.สบส. 7542/2565

เครื่องฟอกอากาศช่วยลด PM 2.5 ได้จริงหรือไม่

เครื่องฟอกอากาศช่วยลด PM 2.5 ได้จริงหรือไม่

มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยยานพาหนะ การก่อสร้าง และอุตสาหกรรมที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เรียกว่า PM 2.5 ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพมนุษย์ การสูดดมฝุ่น PM 2.5 ในปริมาณสูงและต่อเนื่องอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ และมะเร็งปอด หนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการป้องกัน PM 2.5 คือการใช้เครื่องฟอกอากาศ แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยคือ “เครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยลด PM 2.5 ได้จริงหรือไม่?”

ประเภทของเครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศถูกออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยกำจัดฝุ่นละออง กลิ่นไม่พึงประสงค์ สารเคมี และเชื้อโรคที่ปะปนอยู่ในอากาศ ประเภทของเครื่องฟอกอากาศสามารถแบ่งออกได้ตามเทคโนโลยีการกรองที่ใช้ดังนี้

  1. เครื่องฟอกอากาศแบบใช้แผ่นกรอง (Filter-based Air Purifiers) ใช้แผ่นกรองต่าง ๆ เช่น แผ่นกรอง HEPA และแผ่นกรองคาร์บอน
    • แผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) มีความสามารถในการกรองฝุ่นขนาดเล็กถึง 3 ไมครอน ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัด PM 2.5 และแบคทีเรียในอากาศ
    • แผ่นกรองคาร์บอน ช่วยในการดูดซับกลิ่นและสารเคมีที่ปะปนในอากาศ
  2. เครื่องฟอกอากาศแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Air Purifiers) ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าสถิตในการดักจับฝุ่นละออง โดยการทำให้ฝุ่นมีประจุไฟฟ้าและดักจับที่แผ่นกรองหรือแผ่นสะสมฝุ่น
  3. เครื่องฟอกอากาศแบบปล่อยประจุลบ (Ionizers) เครื่องปล่อยประจุลบเข้าไปในอากาศ ทำให้ฝุ่นละอองเกิดการเกาะตัวและตกลงบนพื้น แต่มีข้อเสียที่ฝุ่นอาจกลับขึ้นมาฟุ้งในอากาศอีกครั้งได้
  4. เครื่องฟอกอากาศแบบโอโซน (Ozone Generators) ปล่อยโอโซนที่สามารถฆ่าเชื้อโรค แต่โอโซนเป็นสารที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป

เครื่องฟอกอากาศช่วยลด PM 2.5 ได้จริงหรือ ?

เครื่องฟอกอากาศช่วยลด PM 2.5 ได้จริง โดยเฉพาะเครื่องที่มี แผ่นกรอง HEPA ซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมาก ๆ อย่าง PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยทั่วไปเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA คุณภาพดี สามารถลดฝุ่น PM 2.5 ในห้องได้ถึง 99.97% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่สำคัญ เช่น ขนาดของห้อง ตำแหน่งการติดตั้ง และวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง

ประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในการลด PM 2.5

  • ขนาดของห้อง เครื่องฟอกอากาศถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมพื้นที่เฉพาะ ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดพอเหมาะกับพื้นที่จึงสำคัญมาก หากใช้เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กในห้องขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพในการกรองอากาศจะลดลง
  • ตำแหน่งการติดตั้ง ตำแหน่งการวางเครื่องฟอกอากาศควรอยู่ในจุดที่มีการเคลื่อนไหวของอากาศดี เช่น กลางห้องหรือในบริเวณที่ไม่ได้ถูกกีดขวางจากผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ การวางในตำแหน่งที่เหมาะสมจะช่วยให้อากาศไหลผ่านเครื่องฟอกอากาศได้อย่างเต็มที่
  • การปิดประตูและหน้าต่าง การปิดประตูหน้าต่างระหว่างการใช้งานเครื่องฟอกอากาศสำคัญมาก โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น PM 2.5 สูงภายนอกอาคาร การปิดหน้าต่างช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่น PM 2.5 จากภายนอกเข้ามาในห้อง ซึ่งช่วยรักษาคุณภาพอากาศภายในให้ดีขึ้นได้
  • การบำรุงรักษาเครื่องฟอกอากาศ แผ่นกรองที่สกปรกหรืออุดตันจะทำให้ประสิทธิภาพในการกรองอากาศลดลง ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนแผ่นกรองตามคำแนะนำของผู้ผลิตอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในการกรอง PM 2.5

จากบทความจะเห็นได้ว่า เครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ภายในอาคารได้จริง โดยเฉพาะเครื่องที่มีแผ่นกรอง HEPA ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดฝุ่น PM 2.5 และอนุภาคที่มีขนาดเล็กอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องฟอกอากาศเป็นเพียงวิธีการป้องกันตนเองในระดับบุคคลเท่านั้น การแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในระยะยาวจำเป็นต้องมีการจัดการจากภาครัฐและการร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีอากาศบริสุทธิ์และปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคน