ประเภทของเครื่องฟอกอากาศ
เครื่องฟอกอากาศถูกออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยกำจัดฝุ่นละออง กลิ่นไม่พึงประสงค์ สารเคมี และเชื้อโรคที่ปะปนอยู่ในอากาศ ประเภทของเครื่องฟอกอากาศสามารถแบ่งออกได้ตามเทคโนโลยีการกรองที่ใช้ดังนี้
- เครื่องฟอกอากาศแบบใช้แผ่นกรอง (Filter-based Air Purifiers) ใช้แผ่นกรองต่าง ๆ เช่น แผ่นกรอง HEPA และแผ่นกรองคาร์บอน
- แผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) มีความสามารถในการกรองฝุ่นขนาดเล็กถึง 3 ไมครอน ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัด PM 2.5 และแบคทีเรียในอากาศ
- แผ่นกรองคาร์บอน ช่วยในการดูดซับกลิ่นและสารเคมีที่ปะปนในอากาศ
- เครื่องฟอกอากาศแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Air Purifiers) ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าสถิตในการดักจับฝุ่นละออง โดยการทำให้ฝุ่นมีประจุไฟฟ้าและดักจับที่แผ่นกรองหรือแผ่นสะสมฝุ่น
- เครื่องฟอกอากาศแบบปล่อยประจุลบ (Ionizers) เครื่องปล่อยประจุลบเข้าไปในอากาศ ทำให้ฝุ่นละอองเกิดการเกาะตัวและตกลงบนพื้น แต่มีข้อเสียที่ฝุ่นอาจกลับขึ้นมาฟุ้งในอากาศอีกครั้งได้
- เครื่องฟอกอากาศแบบโอโซน (Ozone Generators) ปล่อยโอโซนที่สามารถฆ่าเชื้อโรค แต่โอโซนเป็นสารที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป
เครื่องฟอกอากาศช่วยลด PM 2.5 ได้จริงหรือ ?
เครื่องฟอกอากาศช่วยลด PM 2.5 ได้จริง โดยเฉพาะเครื่องที่มี แผ่นกรอง HEPA ซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมาก ๆ อย่าง PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยทั่วไปเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA คุณภาพดี สามารถลดฝุ่น PM 2.5 ในห้องได้ถึง 99.97% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่สำคัญ เช่น ขนาดของห้อง ตำแหน่งการติดตั้ง และวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง
ประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในการลด PM 2.5
- ขนาดของห้อง เครื่องฟอกอากาศถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมพื้นที่เฉพาะ ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดพอเหมาะกับพื้นที่จึงสำคัญมาก หากใช้เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กในห้องขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพในการกรองอากาศจะลดลง
- ตำแหน่งการติดตั้ง ตำแหน่งการวางเครื่องฟอกอากาศควรอยู่ในจุดที่มีการเคลื่อนไหวของอากาศดี เช่น กลางห้องหรือในบริเวณที่ไม่ได้ถูกกีดขวางจากผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ การวางในตำแหน่งที่เหมาะสมจะช่วยให้อากาศไหลผ่านเครื่องฟอกอากาศได้อย่างเต็มที่
- การปิดประตูและหน้าต่าง การปิดประตูหน้าต่างระหว่างการใช้งานเครื่องฟอกอากาศสำคัญมาก โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น PM 2.5 สูงภายนอกอาคาร การปิดหน้าต่างช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่น PM 2.5 จากภายนอกเข้ามาในห้อง ซึ่งช่วยรักษาคุณภาพอากาศภายในให้ดีขึ้นได้
- การบำรุงรักษาเครื่องฟอกอากาศ แผ่นกรองที่สกปรกหรืออุดตันจะทำให้ประสิทธิภาพในการกรองอากาศลดลง ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนแผ่นกรองตามคำแนะนำของผู้ผลิตอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในการกรอง PM 2.5
จากบทความจะเห็นได้ว่า เครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ภายในอาคารได้จริง โดยเฉพาะเครื่องที่มีแผ่นกรอง HEPA ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดฝุ่น PM 2.5 และอนุภาคที่มีขนาดเล็กอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องฟอกอากาศเป็นเพียงวิธีการป้องกันตนเองในระดับบุคคลเท่านั้น การแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในระยะยาวจำเป็นต้องมีการจัดการจากภาครัฐและการร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีอากาศบริสุทธิ์และปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคน