นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ
ช่วงเวลาระหว่าง 22.00 – 02.00 น. คือช่วงที่ตับทำหน้าที่ซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเอง หากเข้านอนดึกเป็นประจำ ตับจะไม่มีโอกาสฟื้นฟูเต็มที่ ส่งผลให้ระบบล้างพิษทำงานได้ไม่ดี และเกิดการสะสมของสารพิษในร่างกาย
ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
แม้จะดื่มในปริมาณน้อย หากดื่มเป็นประจำ ตับจะต้องทำงานหนักขึ้นในการกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ในระยะยาว อาจนำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับ ตับอักเสบ หรือแม้แต่ตับแข็งได้
รับประทานอาหารไขมันสูงและแปรรูป
ของทอด อาหารมัน เนื้อสัตว์แปรรูป น้ำตาลสูง และสารปรุงแต่ง ล้วนเพิ่มภาระให้ตับในการเผาผลาญและล้างพิษ
การกินอาหารเหล่านี้บ่อยครั้งอาจทำให้เกิดภาวะ ไขมันพอกตับที่ไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ (NAFLD) ซึ่งกำลังเป็นโรคยอดฮิตในคนรุ่นใหม่
ใช้ยาโดยไม่จำเป็นหรือไม่อ่านฉลาก
ยาพาราเซตามอล ยาแก้ปวดบางชนิด และสมุนไพรบางประเภท หากใช้ผิดวิธีหรือในปริมาณมาก อาจส่งผลให้ตับอักเสบโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่อใช้ต่อเนื่องโดยไม่ปรึกษาแพทย์
เครียดสะสม ไม่ผ่อนคลาย
ความเครียดเรื้อรังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในระดับสูง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของตับและระบบเผาผลาญ รวมถึงส่งผลทางอ้อมต่อพฤติกรรมการกิน การนอน และอารมณ์ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ตับทำงานหนักขึ้น
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
- เหนื่อยง่ายโดยไม่มีสาเหตุ
- อาหารไม่ย่อย ท้องอืดบ่อย
- ผิวหมอง มีผื่นหรือสิวเรื้อรัง
- อารมณ์แปรปรวน สมาธิสั้น
- ขับถ่ายไม่ปกติ
แม้ตับจะเป็นอวัยวะที่ทำงานได้อย่างเงียบเชียบและทนทาน แต่หากถูกทำร้ายทุกวันจากพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจนำไปสู่โรคร้ายในอนาคตได้ การปรับพฤติกรรมบางอย่างตั้งแต่วันนี้ เช่น เข้านอนให้ไว ลดแอลกอฮอล์ กินอาหารสะอาด และลดความเครียด คือวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ตับแข็งแรง และสุขภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างยั่งยืน