ช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่ความชื้นในอากาศสูงขึ้น ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบแค่จากไข้หวัดหรือภูมิแพ้เท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อ “โรคผิวหนัง” ได้ง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมีโรคผิวหนังประจำตัวอยู่แล้ว เช่น ผิวอักเสบเรื้อรัง กลากเกลื้อน หรือสิวอักเสบ อากาศชื้นเปรียบเหมือนตัวเร่งให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีขึ้น และทำให้สภาพผิวเสียสมดุล จนนำไปสู่การระคายเคืองหรือการติดเชื้อได้โดยไม่รู้ตัว
ทำไมอากาศชื้นจึงกระตุ้นโรคผิวหนัง?
- ความชื้นสูงทำให้เหงื่อระบายออกไม่ดี เกิดการอับชื้นสะสมตามข้อพับหรือจุดอับ
- เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย และยีสต์
- ทำให้ผิวหนังอ่อนแอและสูญเสียสมดุลของแบคทีเรียดีบนผิว
- กระตุ้นการอักเสบในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้ง
- เพิ่มการหลั่งน้ำมันและเหงื่อ ทำให้สิวอักเสบเห่อได้ง่าย
โรคผิวหนังที่พบบ่อยในช่วงอากาศชื้น
- เชื้อราในผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน หรือฮ่องกงฟุต
- ผื่นแพ้สัมผัส / ผื่นผิวหนังอักเสบ
- สิวอักเสบหรือสิวผด ที่มากับความอับชื้นและความมันสะสม
- รูขุมขนอักเสบ (Folliculitis) จากการเสียดสีและความอับชื้น
- ผิวติดเชื้อแบคทีเรีย จากการเกา หรือการไม่รักษาความสะอาด
วิธีดูแลผิวให้แข็งแรงในช่วงอากาศชื้น
- รักษาความสะอาดผิวกายและใบหน้า อาบน้ำทันทีหลังเปียกฝนหรือออกกำลังกาย ไม่ปล่อยให้อับชื้นนาน
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว หลีกเลี่ยงครีมที่มีเนื้อหนักหรืออุดตันรูขุมขน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์
- ใส่เสื้อผ้าโปร่ง ระบายอากาศได้ดี โดยเฉพาะคนที่มีเหงื่อออกง่าย ไม่ควรใส่เสื้อผ้าเปียกหรืออับนาน ๆ
- หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว รองเท้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อรา
- ไม่เกาแรงเมื่อคันผิวหนัง เพราะอาจทำให้เกิดแผลและติดเชื้อซ้ำซ้อน
เมื่อไรควรพบแพทย์ ?
หากมีอาการผิดปกติเกินกว่า 3–5 วัน หรือมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังทันที
- ผื่นลามเร็วหรือมีน้ำเหลือง
- อาการคันมากจนรบกวนการนอน
- ผิวหนังมีตุ่มแดง หรือบวมร่วมกับมีไข้
- ติดเชื้อซ้ำในตำแหน่งเดิมบ่อย ๆ