ระบบเผาผลาญช้าลงตามอายุ
เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วง 30 ปีขึ้นไป อัตราการเผาผลาญพื้นฐาน (Basal Metabolic Rate – BMR) จะค่อย ๆ ลดลง ซึ่งหมายความว่า ร่างกายใช้พลังงานน้อยลงแม้จะทำกิจกรรมเท่าเดิม ถ้าเรายังกินเหมือนเดิมโดยไม่ปรับพฤติกรรม น้ำหนักจึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
มวลกล้ามเนื้อลดลง
กล้ามเนื้อเป็นเนื้อเยื่อที่ใช้พลังงานสูงกว่าชั้นไขมัน เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ (Sarcopenia) โดยธรรมชาติ นั่นหมายความว่า การเผาผลาญจะลดลงตามไปด้วย แม้จะไม่ได้กินมากขึ้นก็ตาม
ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนหลายชนิด เช่น เอสโตรเจน, เทสโทสเตอโรน, โกรทฮอร์โมน และอินซูลิน อาจลดลงหรือไม่สมดุล ส่งผลต่อระบบเผาผลาญ ความอยากอาหาร และการสะสมไขมัน โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง
พฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป
หลายคนเมื่ออายุมากขึ้น อาจมีเวลานั่งนานขึ้น ออกกำลังกายน้อยลง หรือมีกิจกรรมทางกายน้อยลงแบบไม่รู้ตัว เช่น การเดิน การลุกนั่ง หรือการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน ซึ่งส่งผลต่อพลังงานที่เผาผลาญในแต่ละวันอย่างมาก
คุณภาพการนอนลดลง
อายุมากขึ้น หลายคนเริ่มนอนไม่หลับ หลับไม่ลึก หรือนอนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อ ฮอร์โมนความหิว (เกรลิน) และ ฮอร์โมนความอิ่ม (เลปติน) ทำให้รู้สึกหิวมากขึ้นและควบคุมการกินได้น้อยลงในแต่ละวัน
วิธีควบคุมน้ำหนักได้ แม้อายุจะเพิ่ม
- เน้นการ สร้างกล้ามเนื้อ ด้วยการเวทเทรนนิ่ง (weight training)
- เลือกทานอาหารที่ มีโปรตีนสูง ไฟเบอร์สูง และน้ำตาลต่ำ
- ปรับพฤติกรรมการกิน เช่น กินช้า เคี้ยวให้ละเอียด ลดขนาดจาน
- เข้านอนให้ตรงเวลา และนอนอย่างน้อย 7–8 ชั่วโมง
- ตรวจเช็ก สมดุลฮอร์โมน และระบบเผาผลาญหากน้ำหนักเพิ่มโดยไม่ทราบสาเหตุ
แม้การควบคุมน้ำหนักจะยากขึ้นเมื่ออายุเพิ่ม แต่ก็ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากเราเข้าใจว่าร่างกายเปลี่ยนไปอย่างไร และปรับพฤติกรรมให้เหมาะกับช่วงวัย เพราะสุขภาพดีไม่ใช่แค่เรื่องรูปร่าง แต่คือการเข้าใจและดูแลร่างกายให้สมดุลในทุกช่วงชีวิต
.