เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน พ่อแม่ผู้ปกครองต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษต่อสุขภาพของลูกน้อย เพราะเป็นช่วงที่ โรคมือ เท้า ปาก (Hand, Foot and Mouth Disease) มีแนวโน้มระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่ม Enterovirus ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายในสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล หรือสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก
โรคมือ เท้า ปาก ติดต่อได้อย่างไร?
เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก สามารถติดต่อได้ผ่านสารคัดหลั่ง เช่น
- น้ำลาย น้ำมูก
- อุจจาระของผู้ติดเชื้อ
- การสัมผัสของเล่นหรือพื้นผิวที่ปนเปื้อน
- การไอหรือจามในระยะใกล้
เชื้อสามารถอยู่ในร่างกายได้นาน แม้หายจากอาการแล้ว จึงมีโอกาสแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว
สังเกตอาการของโรคมือ เท้า ปาก
อาการของโรคจะแสดงหลังรับเชื้อประมาณ 3–7 วัน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ไข้สูงฉับพลัน
- เจ็บคอ ไม่อยากกินอาหาร
- มีตุ่มแดงหรือแผลในปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม
- ผื่นแดงหรือตุ่มน้ำใสบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และก้น
- เด็กเล็กอาจมีอาการงอแงหรือซึมร่วมด้วย
วิธีป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ในเด็ก
- ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนกินอาหารและหลังเปลี่ยนผ้าอ้อม
- ทำความสะอาดของเล่นและอุปกรณ์ที่เด็กสัมผัสบ่อย
- หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในที่แออัดหรือสถานที่เสี่ยงช่วงโรคระบาด
- สอนเด็กไม่เอาของเล่นหรือมือเข้าปาก
- แยกเด็กที่ป่วยออกจากกลุ่มเด็กอื่นอย่างน้อย 7 วัน
เมื่อลูกป่วยควรดูแลอย่างไร?
- ให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ
- ให้ดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงอาหารร้อนหรือรสจัด
- เช็ดตัวลดไข้ตามคำแนะนำของแพทย์
- หากกินอาหารไม่ได้ ควรใช้อาหารเหลวหรือนมอุณหภูมิห้อง
- สังเกตอาการแทรกซ้อน เช่น ซึม ไม่ยอมกินน้ำ หรืออาเจียนบ่อย
โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กช่วงฤดูฝน และสามารถติดต่อได้ง่ายในหมู่เด็กเล็ก แต่หากรู้เท่าทันอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง ก็สามารถลดความเสี่ยงและควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลสุขอนามัยทั้งของเด็กและผู้ดูแลคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ลูกน้อยปลอดภัยและแข็งแรงตลอดฤดูฝน