เลขที่อนุมัติ ฆสพ.สบส. 7542/2565

H. pylori ติดได้จากอะไร? แค่ใช้ช้อนร่วมกันก็เสี่ยงจริงหรือ?

H. pylori ติดได้จากอะไร? แค่ใช้ช้อนร่วมกันก็เสี่ยงจริงหรือ?

H. pylori หรือชื่อเต็มว่า Helicobacter pylori เป็นแบคทีเรียที่สามารถอาศัยอยู่ในเยื่อบุกระเพาะอาหารของมนุษย์ได้ยาวนานโดยไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่สามารถก่อให้เกิดโรคสำคัญ เช่น แผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อนเรื้อรัง หรือแม้แต่มะเร็งกระเพาะอาหาร ได้ในระยะยาว หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “H. pylori ติดต่อกันได้หรือไม่?” และคำตอบคือ “ใช่” โดยเฉพาะผ่านพฤติกรรมใกล้ตัวในชีวิตประจำวันมากกว่าที่คุณคิด

H. pylori ติดต่อกันได้อย่างไร?

  • H. pylori เป็นเชื้อที่สามารถ ติดต่อจากคนสู่คน ได้ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาหารเป็นพิษโดยตรง แต่เกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อในสิ่งคัดหลั่งและพฤติกรรมที่หลายคนมองข้าม เช่น:
  • ทางน้ำลาย เช่น การจูบ การเป่าอาหารให้กัน การชิมช้อนแล้วส่งต่อให้ผู้อื่น
  • การใช้ช้อน ส้อม แก้วน้ำร่วมกัน โดยเฉพาะในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนที่กินข้าวร่วมกันบ่อย ๆ
  • การปนเปื้อนจากมือสู่ปาก หากไม่ได้ล้างมือหลังเข้าห้องน้ำ หรือหยิบอาหารโดยไม่สะอาด
  • การปนเปื้อนในน้ำดื่มหรือน้ำแข็ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ระบบสุขาภิบาลยังไม่ดี

ใครบ้างที่เสี่ยงติดเชื้อ H. pylori ได้ง่าย?

  • ผู้ที่อยู่ร่วมกับสมาชิกครอบครัวที่ติดเชื้อ
  • ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เคยเป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมการกินอาหารร่วมกันบ่อยโดยไม่ใช้ช้อนกลาง
  • เด็กเล็กในสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือผู้ดูแลที่สัมผัสน้ำลายเด็กบ่อย
  • คนในชุมชนแออัด หรือพื้นที่สุขาภิบาลต่ำ

วิธีป้องกัน H. pylori อย่างได้ผล

  • ใช้ ช้อนกลางทุกครั้ง ในการทานอาหารร่วมกัน
  • หลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำ หลอดดูด หรือช้อนร่วมกับผู้อื่น
  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
  • ดื่มน้ำสะอาดจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หลีกเลี่ยงน้ำแข็งจากแหล่งที่ไม่แน่ชัด
  • หมั่นสังเกตอาการทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้องแน่น จุกเสียดเรื้อรัง หากเป็นบ่อยควรพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรอง pylori

แม้เชื้อ H. pylori จะมีขนาดเล็กและมองไม่เห็น แต่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางเดินอาหารอย่างมากในระยะยาว และยิ่งน่ากังวลเมื่อติดกันได้ง่ายผ่านพฤติกรรมที่ใกล้ตัว เช่น การใช้ช้อนร่วมกันโดยไม่รู้ตัว การตระหนักถึงเส้นทางการแพร่เชื้อและการป้องกันอย่างถูกวิธี คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเรื้อรังในอนาคต