HPV คืออะไร และทำไมใคร ๆ ก็เสี่ยง
HPV หรือ Human Papillomavirus เป็นไวรัสที่สามารถติดเชื้อได้ผ่านการสัมผัสผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศและการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ กว่า 80% ของผู้ชายและผู้หญิงจะติดเชื้อ HPV อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ จึงทำให้เชื้อแพร่ได้ง่ายมากโดยเจ้าตัวไม่รู้ตัว
ทำไม HPV ถึง “ไม่ใช่เรื่องไกลตัว”
1) ติดต่อได้ง่ายกว่าที่คิด — ไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ก็สามารถติดได้
การสัมผัสผิวหนังในบริเวณอวัยวะเพศ หรือการร่วมเพศทางปาก ทวาร ก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้ ถุงยางช่วยลดความเสี่ยง แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100%
2) ไม่มีอาการ แต่ไวรัสยังคงอยู่ในร่างกาย ผู้ติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่ “ไม่รู้ตัว” เนื่องจาก
- ไม่มีผื่น
- ไม่มีหูด
- ไม่มีอาการผิดปกติ
แต่ไวรัสสามารถซ่อนอยู่ในเยื่อบุอวัยวะต่าง ๆ และกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ได้ในระยะยาว
3) เสี่ยงได้ทุกวัย ไม่ใช่เฉพาะวัยรุ่นหรือคนมีคู่หลายคน
แม้สถิติจะพบได้บ่อยในวัยเริ่มต้นมีเพศสัมพันธ์ แต่ผู้ใหญ่ทุกวัย รวมถึงผู้ที่มีคู่นอนคนเดียว ก็สามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสครั้งเดียวในอดีต ดังนั้น HPV จึงไม่ใช่โรคของคน “สำส่อน” หรือ “วัยรุ่น” อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด
เชื้อ HPV ส่งผลอะไรต่อสุขภาพ
1) กลุ่มสายพันธุ์เสี่ยงต่ำ ทำให้เกิด
- หูดหงอนไก่
- หูดที่อวัยวะเพศ
แม้ไม่เป็นอันตรายรุนแรง แต่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
2) กลุ่มสายพันธุ์เสี่ยงสูง เกี่ยวข้องกับ
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งช่องคลอด
- มะเร็งทวารหนัก
- มะเร็งช่องปากและคอหอย
- มะเร็งองคชาตในผู้ชาย
โดยเฉพาะ HPV 16 และ HPV 18 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ HPV มากเป็นพิเศษ
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
- เริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
- มีคู่นอนหลายคน หรือไม่ทราบสถานะสุขภาพของคู่นอน
- ผู้สูบบุหรี่ (ทำให้ภูมิคุ้มกันของเยื่อบุเปราะบางขึ้น)
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ผู้หญิงอายุ 25–60 ปี (ช่วงที่แนะนำให้ตรวจคัดกรองเป็นประจำ)
ป้องกัน HPV ได้อย่างไร
1) ฉีดวัคซีน HPV ก่อนมีเพศสัมพันธ์ดีที่สุด
วัคซีนช่วยป้องกันสายพันธุ์เสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำหลายชนิด แนะนำให้ฉีดตั้งแต่อายุ 9–14 ปี แต่ผู้ใหญ่ก็ยังสามารถฉีดได้เพื่อ “ลดความเสี่ยงในอนาคต”
2) ตรวจคัดกรองสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในผู้หญิงแนะนำให้ตรวจ
- Pap smear
- HPV DNA Test
เป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อค้นหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ยังไม่กลายเป็นมะเร็ง
3) ใช้ถุงยางอนามัยลดความเสี่ยง แม้ไม่ป้องกันได้ทั้งหมด แต่ช่วยลดโอกาสในการสัมผัสไวรัสโดยตรง
4) รักษาภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เพราะร่างกายของหลายคนสามารถกำจัดไวรัส HPV ได้เอง หากภูมิคุ้มกันแข็งแรง
- นอนหลับให้เพียงพอ
- ลดความเครียด
- งดบุหรี่
- รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ