โรคไข้เลือดออกยังคงเป็นหนึ่งในโรคระบาดที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูที่ยุงลาย – พาหะของโรค – ขยายพันธุ์ได้ดี หลายคนเข้าใจว่าไข้เลือดออกเกิดในเฉพาะชุมชนแออัดหรือพื้นที่น้ำขัง แต่ในความเป็นจริง พฤติกรรมประจำวันของเราหลายอย่างอาจเปิดโอกาสให้ “ยุงลายกัดโดยไม่รู้ตัว” และเพิ่มความเสี่ยงในการรับเชื้อไวรัสเดงกีเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว
7 พฤติกรรมเสี่ยงติดไข้เลือดออกแบบไม่ทันระวัง
- นั่งทำงานหรือเรียนในพื้นที่อับ ไม่มีมุ้งลวด ยุงลายมักหากินตอนกลางวัน และชอบอยู่ในที่ร่มเงา การอยู่ในห้องที่อากาศไม่ถ่ายเทจึงเสี่ยงโดนกัดง่าย
- เปิดหน้าต่างรับลมโดยไม่มีมุ้งลวดกั้น แม้ต้องการอากาศบริสุทธิ์ แต่หากไม่มีการป้องกัน ยุงจากภายนอกอาจบินเข้ามาโดยไม่รู้ตัว
- วางแจกันหรือจานรองต้นไม้โดยไม่เปลี่ยนน้ำเป็นประจำ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายยอดนิยมในบ้านที่หลายคนมองข้าม
- สะสมขยะหรือภาชนะเก็บน้ำไว้ในที่โล่งโดยไม่ปิดฝา เช่น ยางรถเก่า กระป๋อง ถังน้ำ ล้วนเป็นแหล่งวางไข่ของยุงได้ดีในฤดูฝน
- ใส่เสื้อผ้าสีเข้มและแขนสั้นโดยไม่ทายากันยุง เสื้อผ้าสีเข้มดึงดูดยุง ยิ่งอยู่กลางแจ้งหรือบริเวณต้นไม้ยิ่งเสี่ยงเพิ่มขึ้น
- นอนกลางวันโดยไม่กางมุ้ง ยุงลายกัดเวลากลางวัน การงีบโดยไม่ป้องกันทำให้ตกเป็นเป้าได้ง่ายโดยไม่รู้ตัว
- มองข้ามอาการไข้เพียงเล็กน้อย ไข้เลือดออกบางรายไม่มีอาการชัดเจน หากละเลยการตรวจ อาจเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อซ้ำ
ป้องกันตัวเองจากไข้เลือดออก เริ่มที่บ้าน
- ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกสัปดาห์
- ใส่เสื้อแขนยาวหรือทายากันยุงเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง
- ใช้มุ้งลวด หรือมุ้งนอนแม้ในเวลากลางวัน
- หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไข้สูงลอย อ่อนเพลียจนน่ากังวล
- ปรึกษาแพทย์ทันทีหากสงสัยว่าอาจติดเชื้อ
ไข้เลือดออกไม่ใช่โรคไกลตัว และพฤติกรรมเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย อาจกลายเป็นประตูสู่การรับเชื้อไวรัสเดงกีโดยไม่รู้ตัว การรู้เท่าทันพฤติกรรมเสี่ยง และปรับสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ปลอดภัยจากยุงลาย คือหัวใจสำคัญในการลดการระบาดของไข้เลือดออกในทุกฤดู