หลายคนอาจสังเกตว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนหรือวันที่อากาศชื้นสูง อาการ ภูมิแพ้ ที่เคยสงบดีอาจกลับมากำเริบอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล หายใจไม่สะดวก หรือแม้แต่ผื่นคัน ที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุชัดเจน ความชื้นในอากาศไม่ได้ส่งผลแค่ความรู้สึกไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ยังเป็น ตัวกระตุ้นสำคัญ ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ และกระตุ้นการแพ้ในคนที่มีแนวโน้มภูมิแพ้อยู่แล้ว
อากาศชื้นกระตุ้นภูมิแพ้อย่างไร?
- เพิ่มจำนวนไรฝุ่นและเชื้อราในบ้าน
ความชื้นในอากาศสูงทำให้ไรฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในที่นอน ผ้าม่าน และห้องน้ำ - กระตุ้นการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ
อากาศชื้นทำให้เยื่อบุจมูกบวม และทำให้หายใจลำบากมากขึ้นในผู้ที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ - ร่างกายขาดการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิฉับพลัน เช่น เข้าห้องแอร์หลังตากฝน หรือเปียกฝนแล้วไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำให้ภูมิคุ้มกันรวนและเกิดอาการแพ้ได้ง่ายขึ้น
อาการภูมิแพ้ที่พบบ่อยเมื่ออากาศชื้น
- จามบ่อย น้ำมูกใสไหล คัดจมูก หายใจไม่คล่อง
- คันตา น้ำตาไหล หรือระคายเคืองตา
- ผื่นลมพิษ หรือผื่นแดงตามตัว
- หอบหืด หรือแน่นหน้าอกในผู้ที่มีประวัติโรคหืด
- คันคอ เสียงแหบ หรือไอเรื้อรัง
วิธีป้องกันอาการกำเริบของภูมิแพ้ในฤดูฝน
- ควบคุมความชื้นภายในบ้าน เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หรือใช้เครื่องลดความชื้นในบริเวณที่อับชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ
- ซักผ้าปูที่นอนและผ้าม่านบ่อย ๆ เพื่อกำจัดไรฝุ่นและเชื้อราที่สะสม
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีเชื้อราและฝุ่นมาก เช่น ห้องเก่า ห้องเก็บของ ห้องใต้ดิน หรือพรมที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาด
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้านในวันที่ฝนตกหรืออากาศชื้นจัด เพื่อกรองสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
- เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง โดยการนอนให้พอ ออกกำลังกาย และกินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซีและโอเมก้า 3
อากาศชื้นไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องฝนตกหรือความอับชื้นในบ้าน แต่ยังเป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้โรคภูมิแพ้กำเริบได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติแพ้ไรฝุ่น เชื้อรา หรืออากาศเปลี่ยนแปลง การป้องกันตั้งแต่สภาพแวดล้อม ไปจนถึงการดูแลร่างกายจากภายใน จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมภูมิแพ้ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันในฤดูฝนนี้